ในยุคปัจจุบันทางการแพทย์จึงได้เริ่มต้นเรื่องของงานวิจัยพันธุ์พืชต่าง ๆ ที่คนเรามักจะเลือกในการบริโภคกันเป็นหลักตามปกติ เช่นกลุ่มที่ใช้เป็นเครื่องเคียงของอาหารฟาดฟู๊ดที่เราเห็นกันตามปกติโดยทั่วไป เช่น ผักกาด พริกหยวก กระหล่ำปลี มะเขือเทศ แตกกวา หรือพวกผลไม้ที่ต้องทำการทานแบบสดจากผลที่ได้ ไม่มีการแปรรูปแต่อย่างใด ในกลุ่มที่ผมได้กล่าวมาเหล่านี้แหละเป็นจุดเริ่มต้นของสารเคมีที่ตกค้างที่เราเองก็ไม่สามารถที่จะมองด้วยตาเปล่าได้แต่อย่างใดทั้งสิ้นเลยก็ว่าได้             แต่เมื่อนำเมล็ดพันธุ์เหล่านี้มาทำการเพาะเลี้ยงในรูปแบบฟาร์มปิดแล้วควบคุมเรื่องของสารเคมีต่าง ๆ กับดูแลป้องกันพวกศัตรูพืชแล้วในรูปแบบของออร์แกนิคได้แล้ว ผลที่ได้มาก็จะทำให้พืชเหล่านั่นมีความบริสุทธ์มากเลยก็ว่าได้ทำให้เมื่อเราทำการบริโภคไปแล้วจะไม่มีเรื่องของสารตกค้างแต่ใดเลยนั่นเองเหมือนเป็นการที่เราได้ทำการปรับสภาพของร่างกายไปด้วยภายในตัวโดยที่จากที่ร่างการจำเป็นที่จะต้องมีการสะสมของสารเคมีเหล่านั่น ก็จะเป็นการทานอาหารที่คลีนมากยิ่งขึ้น เข้าถึงได้มีคำนิยามว่า เป็นอาหารที่ช้วยในการลดสภาวะของโรคมะเร็งนั่นเอง             แต่จากข้อมูลที่ผมศึกษามาผู้ที่ทำการบริโภคอาหารออร์แกนิคก็มักจะพูดกันเป็นเสียงเดียวว่า อาหารจำพวกนี้จะทานยากกว่าอาหารโดยทั่วไปมาก เช่น ข้าวไรบารี่ที่จะมีความแข็งของเมล็ดข้าว ซึ่งถ้าเป็นผักก็ไม่สามารถที่จะปรุงรสมากได้เพื่อดำรงเรื่องของคุณค่าของผักให้มีความสดเท่านั่น ทำให้ทานยากกว่าอาหารปกติเลยก็ว่าได้ ผู้ที่จะทำการทานจำเป็นจะต้องคอยฝึกเรื่องการปรับตัวในการทานอาหารในกลุ่มนี้เลยทีเดียว ดังนั่นการเลือกทานอาหารออร์แกนิคนั่นไม่ได้แค่ช้วยเรื่องของการป้องกันการเกิดมะเร็งเพียงเท่านั่น แต่มันจะเป็นการช้วยให้ร่างการมีการปรับตัวเรื่องของทานอาหารทุกหมวดไปด้วยในตัว เช่นลดอาหารเค็มจัด หวานจัด ไปด้วยเป็นการควบคุมแบบควบคู่ไปในตัวหลายคนมักจะพูดว่าแทบจะเปลี่ยนชีวิตไปเลย บางคนที่เริ่มต้นมาระยะนึงก็จะเห็นได้ถึงความเปลี่ยนแปลงอย่างฝชัดเจน เช่น นอนหลับมากกว่าปกติ หลับได้นานมากยิ่งขึ้น รู้สึกว่าหัวใจมีการทำงานได้ดียิ่งขึ้น หรือในบางรายก็มักจะพูดว่าที่เห็นได้ชัดเจนมากก็เรื่องของการขับถ่ายนั่นเอง เพราะมันจะปรับเรื่องของระบบการย่อยอาหารที่ง่ายขึ้น ทำให้ลำไส้ของเรามีการดูดซึมที่ดียิ่งขึ้นนั่นเอง ทำให้ส่งผลให้ร่างกายมีความสดชื่นกว่าปกตินั่นเอง